|
|
ผลไม้ที่มีธาตุเหล็กสูง ช่วยบำรุงเลือด ป้องกันภาวะโลหิตจาง
ธาตุเหล็กคือแร่ธาตุสำคัญที่ช่วยในการผลิตเม็ดเลือดแดงและการนำพาออกซิเจนไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย การขาดธาตุเหล็กเป็นสาเหตุหลักของภาวะโลหิตจาง ซึ่งสามารถส่งผลให้รู้สึกอ่อนเพลียและเหนื่อยง่าย การเพิ่มผลไม้ที่มีธาตุเหล็กสูงในมื้ออาหารจึงเป็นอีกวิธีที่ดีในการรักษาสุขภาพ
ผลไม้หลายชนิดอุดมไปด้วยธาตุเหล็ก ทั้งในรูปแบบสดและแบบแห้ง โดยเฉพาะผลไม้แห้งที่มีความเข้มข้นของธาตุเหล็กสูงเป็นพิเศษ บทความนี้ได้รวบรวมรายชื่อผลไม้เหล่านั้นมาให้ เพื่อช่วยให้คุณวางแผนการรับประทานอาหารได้อย่างเหมาะสม
รายชื่อผลไม้ที่ช่วยเสริมธาตุเหล็กให้ร่างกาย
การบริโภคผลไม้เหล่านี้เป็นประจำจะช่วยให้ร่างกายได้รับธาตุเหล็กอย่างเพียงพอ และช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง:
- แอปริคอตแห้ง: เป็นหนึ่งในผลไม้ที่มีธาตุเหล็กมากที่สุด การรับประทานเพียงเล็กน้อยก็สามารถช่วยเพิ่มปริมาณธาตุเหล็กที่ร่างกายต้องการในแต่ละวันได้อย่างมาก
- พลัมแห้ง (ลูกพรุน): นอกจากจะมีใยอาหารสูงแล้ว ยังมีธาตุเหล็กจำนวนมาก ซึ่งมีส่วนช่วยในการบำรุงเลือดและระบบย่อยอาหารไปพร้อมกัน
- ลูกเกด: ของว่างยอดนิยมที่มีรสชาติอร่อยและอุดมไปด้วยธาตุเหล็ก ทำให้เป็นตัวเลือกที่ดีในการเพิ่มธาตุเหล็กในอาหารประจำวัน
- อินทผลัม: ผลไม้แห้งอีกชนิดที่มีธาตุเหล็กและใยอาหารสูง เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเพิ่มสารอาหารที่จำเป็นต่อสุขภาพ
- มัลเบอร์รี่: ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ที่มักถูกมองข้าม แต่มีธาตุเหล็กที่ดี และสามารถรับประทานได้ทั้งแบบสดหรือแห้ง
- ทับทิม: เป็นที่รู้จักกันดีว่ามีสารต้านอนุมูลอิสระสูงและช่วยปรับปรุงระดับฮีโมโกลบิน จึงมีประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับผู้ที่มีภาวะโลหิตจาง
- ลูกพลับ: ผลไม้สดที่มีธาตุเหล็กและสารอาหารอื่น ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย สามารถรับประทานเพื่อเสริมความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด
เคล็ดลับเพิ่มการดูดซึมธาตุเหล็ก
ธาตุเหล็กจากพืช (Non-heme iron) จะดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ยากกว่าธาตุเหล็กจากเนื้อสัตว์ ดังนั้นจึงควรรับประทานผลไม้เหล่านี้ควบคู่ไปกับอาหารที่มี วิตามินซีสูง ซึ่งทำหน้าที่เป็นตัวช่วยดูดซึมธาตุเหล็กที่ดีเยี่ยม เช่น:
- ส้ม
- สตรอว์เบอร์รี่
- ฝรั่ง
- กีวี
การเลือกรับประทานผลไม้ที่มีธาตุเหล็กสูงเหล่านี้จึงเป็นอีกหนึ่งวิธีง่าย ๆ และอร่อยในการดูแลสุขภาพเลือดและป้องกันภาวะขาดธาตุเหล็กในชีวิตประจำวัน อย่างไรก็ตาม หากคุณมีภาวะสุขภาพที่น่ากังวล ควรปรึกษาแพทย์หรือนักโภชนาการเพื่อรับคำแนะนำด้านอาหารที่เหมาะสมกับคุณที่สุด |
|